

อันตราย "โลกร้อน" ก่อ "โรคระบาด"
กรณีที่นายจิรพล สินธุนาวา นักวิชาการคณะ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วโลกประสบกับภาวะโลกร้อนแล้ว และไม่สามารถป้องกันได้อีก ต่อไป ทำได้ดีที่สุดคือ เตรียมพร้อมตั้งรับสถาน การณ์นั้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะ จุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่า ภาวะแบบนี้ทำให้เชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งรังโรค ทั้ง ในดิน ในน้ำ ในอากาศ หรือในสัตว์ แพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น
"โรคที่น่ากังวลที่เรากำลังจับตาอยู่อย่างกระชั้นชิด ส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่มีพาหะจากสัตว์ทั้งสิ้น สัตว์พาหะที่น่ากลัวจะเป็นแมลง และยุงชนิดต่างๆ น่ากลัวที่สุด คือยุง ซึ่งนำทั้งไข้เลือดออก มาลาเรีย และไข้สมองอักเสบ แต่สัตว์อีกชนิดที่เราจับตาอย่างใกล้ชิด คือริ้นฝอยทราย และเห็บ ที่จะนำโรคไข้สมองอักเสบ หลายชนิดด้วยกัน" นพ.ธีระวัฒน์กล่าว
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สภาวะความแปรปรวนแบบสุดขั้วเกิดขึ้นในโลกแล้ว แต่ไม่มาก ยังอยู่ในขั้นที่รับมือและชะลอผลกระทบได้ ดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่เช่นนั้นจะรับไม่ไหว วิธีการ คือต้องลดการใช้พลังงานลง
ซึ่งในภาพรวมของโลก ไม่ได้ลดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง ปล่อยให้ตลาดเสรีมีอิทธิพลเหนือกว่า อาทิ สินค้าที่เกี่ยวกับการลดพลังงานจำพวกพวกโซลาร์เซลล์ยังมีราคาสูง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกต้องผลักดันสินค้าประเภทนี้ให้อยู่เหนือกว่า ขณะที่ปัญหาการทำเกษตรกรรมในประเทศกำลังพัฒนาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุสภาวะโลกร้อนนั้น นักวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าภาคเกษตรส่งผลต่อภาวะโลกร้อนน้อยมาก อีกทั้งการลดการทำนาข้าว จะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะภาคเกษตรเป็นภาคที่สร้างอาหารใหม่
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดผลกระทบชัดเจนแล้วคือทางกายภาพ เช่น ภัยพิบัติ ฝน ฟ้า อากาศอาจอยู่ในระยะ 5-30 ปีนับจากนี้ แต่ถ้ายังรับมือได้ก็อาจเกิดผลกระทบใน 30 ปี ข้างหน้า" นายอานนท์กล่าว
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะ จุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่า ภาวะแบบนี้ทำให้เชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งรังโรค ทั้ง ในดิน ในน้ำ ในอากาศ หรือในสัตว์ แพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น
"โรคที่น่ากังวลที่เรากำลังจับตาอยู่อย่างกระชั้นชิด ส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่มีพาหะจากสัตว์ทั้งสิ้น สัตว์พาหะที่น่ากลัวจะเป็นแมลง และยุงชนิดต่างๆ น่ากลัวที่สุด คือยุง ซึ่งนำทั้งไข้เลือดออก มาลาเรีย และไข้สมองอักเสบ แต่สัตว์อีกชนิดที่เราจับตาอย่างใกล้ชิด คือริ้นฝอยทราย และเห็บ ที่จะนำโรคไข้สมองอักเสบ หลายชนิดด้วยกัน" นพ.ธีระวัฒน์กล่าว
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สภาวะความแปรปรวนแบบสุดขั้วเกิดขึ้นในโลกแล้ว แต่ไม่มาก ยังอยู่ในขั้นที่รับมือและชะลอผลกระทบได้ ดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย ไม่เช่นนั้นจะรับไม่ไหว วิธีการ คือต้องลดการใช้พลังงานลง
ซึ่งในภาพรวมของโลก ไม่ได้ลดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง ปล่อยให้ตลาดเสรีมีอิทธิพลเหนือกว่า อาทิ สินค้าที่เกี่ยวกับการลดพลังงานจำพวกพวกโซลาร์เซลล์ยังมีราคาสูง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกต้องผลักดันสินค้าประเภทนี้ให้อยู่เหนือกว่า ขณะที่ปัญหาการทำเกษตรกรรมในประเทศกำลังพัฒนาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุสภาวะโลกร้อนนั้น นักวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าภาคเกษตรส่งผลต่อภาวะโลกร้อนน้อยมาก อีกทั้งการลดการทำนาข้าว จะได้ไม่คุ้มเสีย เพราะภาคเกษตรเป็นภาคที่สร้างอาหารใหม่
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดผลกระทบชัดเจนแล้วคือทางกายภาพ เช่น ภัยพิบัติ ฝน ฟ้า อากาศอาจอยู่ในระยะ 5-30 ปีนับจากนี้ แต่ถ้ายังรับมือได้ก็อาจเกิดผลกระทบใน 30 ปี ข้างหน้า" นายอานนท์กล่าว








7 ความคิดเห็น:
หรอๆๆๆ
น่ากลัวจัง
งั้นเราต้องช่วยกัน
รักษาความสะอาดไม่ให้
เป็นเเหล่งเพาะพันธ์ของเชื้อโรค
อืม
อากาศร้อนงะ
อืม
ไปเที่ยวทะเลกันไหม
หายๆๆไปไหนกานหมด
โลกเปลี่ยน
คนก้อเปลี่ยนเหรอนี่
อิอิ
น่ากลัว.....แต่ไมน่ากลัวเท่าเจ้าของบล็อก
5555....ล้อเล่น
oooooน่ากลัวต้องระวังๆๆๆกันไว้เด้อค่ะ
ถึงโลกร้อน แต่ขอให้ใจเราเย็นไว้นะ
อย่าลืมไปเม็นให้นะ
--------อ้นรักมากมาย--------
ดีจังๆมีคนรักด้วย
แสดงความคิดเห็น